วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สบู่ดำ

สบู่ดำ เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 2 – 7 เมตร มีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปี จัดอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae เช่นเดียวกับยางพารา สบู่แดง ปัตตาเวีย มะละกอฝรั่ง หนุมานนั่งแท่น โป๊ยเซียน มันสำปะหลัง มะยม มะขามป้อม ผักหวานบ้าน เขม่าป่า เป็นต้น  

ลำต้น มีเปลือกลำต้นเรียบ มีสีเทา-น้ำตาล ลำต้นเกลี้ยง อวบน้ำ เป็นไม้เนื้ออ่อน ไม่มีแก่น หักง่าย มีน้ำยาง สีขาวใส
ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปไข่ กว้างหรือค่อนข้างกลม จัดเรียงแบบสลับ โคนใบเว้ารูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบหรือหยักเว้า 3-5 หยัก  

   ดอก มีช่อดอกแบบ Panicle หรือ panicle cyme ประกอบด้วยดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ในช่อดอกเดียวกัน ดอกทั้ง 2 ชนิด มีกลีบรอง และกลีบดอก อย่างละ 5 กลีบ ดอกตัวผู้มีเกสรเรียงเป็นวง 2 วง วงละ 5 อัน ดอกตัวเมียมีรังไข่ ก้านเกสรตัวเมียมี 6 แฉก ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวแกมเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อ

ที่ซอกใบหรือปลายยอด ในช่อดอกเดียวกันมีดอกตัวผู้มากกว่าดอกตัวเมีย ( อัตราดอกตัวผู้ : ดอกตัวเมีย เท่ากับ
6-7 : 1) ดอกแต่ละช่อบานไม่พร้อมกัน มีช่อดอกประมาณ 15-30 ช่อต่อต้น แต่ละช่อดอกมีดอกย่อย 70-120 ดอก แต่จะติดผลเพียง 8-14 ผล  
ผล ผลที่เกิดจากช่อดอกเดียวกันจะสุกแก่ไม่พร้อมกัน ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่มีสีเหลืองคล้ายลูกจันทน์ ผลมีลักษณะกลมรีเล็กน้อย ผลมีขนาดปานกลาง กว้าง 2 – 3 เซนติเมตร ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตรผลมี 3 พูๆ ละ 1 เมล็ด เมื่อสุกแก่ผลจะปริแตก ผลสด 1 กิโลกรัม มีจำนวน 85-90 ผล  
เมล็ด รูปกลมรี เปลือกนอกสีดำ เนื้อในสีขาว มีสารพิษ (curcin) หากบริโภคจะเกิดอาการอาเจียนและท้องเสีย เมล็ดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร น้ำหนัก 100 เมล็ด ประมาณ 70 กรัม เมล็ด 1 กิโลกรัม มีประมาณ 1,300-1,500 เมล็ด  


ประวัติสบู่ดำ
นันทวรรณ สโรบล  
ถิ่นกำเนิด
สบู่ดำ ( Jatropha curas Linn.) พืชน้ำมันที่กำลังเป็นที่สมใจของผู้คนทั้งในและต่างประเทศในขณะนี้นั้น นักพฤกษศาสตร์จัดกลุ่มไว้เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาเขตร้อน เป็นพืชในวงศ์ Euphorbiaceae วงศ์เดียวกับยางพารา ละหุ่ง และมันสำปะหลัง มีน้ำยางสีขาวใสลื่น ๆ เป็นฟอง มีคุณสมบัติคล้ายสบู่อยู่ในทุกส่วนของลำต้น
ประวัติและความสำคัญ
“ สบู่ ” เป็นภาษาโปรตุเกส หมายถึง ต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ใช้น้ำมันจากเมล็ดมาเป็นส่วนผสมในการทำสบู่ สำหรับชำระล้างร่างกาย และซักล้างเสื้อผ้า ของใช้ มีบันทึกไว้ว่าค้นพบโดย พ่อค้าชาวโปรตุเกสที่เดินเรือไปทวีปอเมริกากลาง และนำเข้ามาในทวีปเอเชีย และแพร่มายังประเทศไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ราว ๆ 300 ปีก่อน โดยมีการแนะนำให้ผู้คนสมัยนั้นปลูกและพ่อค้ารับซื้อเมล็ดไปทำสบู่
ในทวีปแอฟริกา สมัยก่อนปลูกกันมากที่แหลม Verde ในที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์และเป็นแนวเขตรั้วบ้าน คอกสัตว์ หรือบริเวณหลุมฝังศพ เพื่อกันสัตว์ไม่ให้เข้าไปคุ้ยเขี่ย สำหรับในประเทศไทยมีรายงานว่า เคยมีการปลูกเป็นรั้วบ้าน ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยผู้เฒ่า
ผู้แก่ใช้ยางใส ๆ ที่หักออกจากก้านใบ หรือส่วนยอดใช้ทาแผลสด โดยเฉพาะแผลที่ปากให้เด็ก ๆ ที่เป็นโรคปากนกกระจอก หรือใช้กวาดลิ้นเด็กที่เป็นฝ้าขาว และใช้เนื้อในเมล็ดสีขาวเลียบไม้ จุดแทนเทียนไข ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากขาดแคลนน้ำมันก๊าดที่ใช้จุดตะเกียง
สบู่ดำ มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ภาคเหนือ เรียก มะหุ่งฮั้ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียก หมากเย่า , มะเยา หรือสีหลอด ภาคใต้เรียก หงส์เทศ (เพราะต้นโต) และภาคกลางเรียก สบู่ดำ ชาวเขาเรียก ไท้ยู หรือเกงยู (เพราะน้ำมันมีสีดำ) พม่าเรียก แจ้ทซู เขมรเรียก ทะวอง จีนกลางเรียก หมาฟ่งสู้ แต้จิ๋วเรียก มั่วฮองซิว ญี่ปุ่นเรียก บูราคีรี และภาษาอังกฤษเรียก physic nut หรือ purging nut ( Jatropha spp.) พืชสกุลนี้จัดเป็นไม้สกุลใหญ่ กระจายอยู่ในเขตร้อนและกึ่งร้อน จเร สดากร (2527) รายงานว่า พบสบู่ดำ 175 ชนิด (Airy Show, 1978) ในอินโดจีน พบ 4 ชนิด (Lecomit, 1931) 3 ชนิด พบในพม่า (Kura, 1974) และมาเลเซีย (Burkill, 1966) ในประเทศไทยเองพบ 5 ชนิด คือ J. gossypifolia (สบู่แดง) , J. podagrica (หนุมานนั่งแท่น) J. integgerima (ปัตตาเวีย) , J. multifida (มะละกอฝรั่ง , ฝิ่นต้น) และ J. curcas (สบู่ดำ)  


 
ประโยชน์การเกษตรสบู่ดำ
 
ประโยชน์การเกษตรสบู่ดำ
 

1. ใช้ทำน้ำมันไบโอดีเซล
นำเมล็ดสบู่ดำมาทำน้ำมัน เมื่อนำไปผ่านกระบวนการทางเคมีในการทำไบโอดีเซล(Transesterification) จะทำให้ได้น้ำมันไบโอดีเซล100 %(ดีเซลB100) ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลมากที่สุด(เมื่อเทียบกับไบโอดีเซลจากพืชชนิดอื่น) และสามารถใช้ทดแทนน้ำมันดีเซลได้ถึง 100% จากการทดสอบยังไม่ส่งผลกระทบทางด้านลบต่อเครื่องยนต์แต่อย่างใด
 

น้ำมันสบู่ดำสามารถนำมาใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลรอบจัดได้ โดยการปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ด้วยการนำน้ำมันสบู่ดำมาเข้าสู่กระบวนการทรานเอสเตอริฟิเคชั่นเพื่อตัดทอนสายโมเลกุลที่ยืดยาวของน้ำมันพืชลง นอกจากนั้นการที่สบู่ดำเป็นพืชที่ไม่สามารถรับประทานได้เหมือนปาล์มน้ำมันจึงทำให้ราคาของสบู่ดำไม่เกิดความผันผวนไปตามการบริโภค ราคาจำหน่ายไบโอดีเซลจากสบู่ดำจึงสามารถขายราคาต่ำกว่าดีเซลและสบู่ดำก็ยังมีคุณภาพดีกว่าน้ำมันปาล์มหลายประการ ที่เห็นชัดคือ จุดแข็งตัวหรือเป็นไขต่ำกว่ามาก โดยน้ำมันปาล์มอยู่ที่ประมาณ 18 องศาเซลเซียส ในขณะที่น้ำมันดิบสบู่ดำความแข็งตัวจะอยู่ที่อุณหภูมิ -7 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศเขตร้อนที่ปราศจากหิมะ
แต่ปัจจุบันการทำการเกษตรสบู่ดำของเกษตรกรในประเทศยังมีไม่มากพอ รวมถึงการหีบน้ำมันสบู่ดำยังไม่สามารถทำได้ในปริมาณมากหรือในเชิงพาณิชย์ จึงได้มีการพัฒนาและสร้างเครื่องหีบน้ำมันสบู่ดำขึ้นมาใหม่ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น โดยสามารถหีบน้ำมันสบู่ดำได้ถึง 1 ลิตร จากสบู่ดำเพียง 3 กิโลกรัมเท่านั้น
 
 
 
 
2. ใช้กากสบู่ดำทำปุ๋ยกากสบู่ดำเป็นส่วนที่เหลือจากกระบวนการสกัดหรือการหีบน้ำมัน จากการทดลองพบไนโตรเจนสูงประมาณ 44% นอกจากนั้นยังมีฟอสฟอรัส 2.09% และโพแทสเซียม 1.68% ในสบู่ดำ ซึ่งถือว่ามากกว่ามูลสัตว์ทั่วๆไป จึงสามารถนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ได้เป็นอย่างดี


3. ใช้กากสบู่ดำเชื้อเพลิง
สบู่ดำสามารถนำมาใช้แทนเชื้อเพลิงได้ ซึ่งจากการนำกากสบู่ดำไปให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง ทดสอบ ปรากฎว่ากากสบู่ดำให้ค่าความร้อนถึง 4,528 กิโลแคลอรี ต่อสบู่ดำ 1 กิโลกรัม ซึ่งค่าความร้อนที่ได้นี้มากกว่าถ่านหินลิกไนต์ถึง 2 เท่า นอกจากนั้นผลจากการเผาไหม้ยังให้ค่า ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่วัดได้เป็น 0 อีกด้วย จึงถือว่าเป็นพลังงานทดแทนที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง


4. ใช้ต้นสบู่ดำทำกระดาษจากการทดลองพบว่าเยื่อกระดาษจากต้นสบู่ดำนั้นเป็นเยื่อชั้นดี มีความเป็นไปได้ที่จะได้เยื่อขนาดยาว ซึ่งในบ้านเรามีการใช้เยื่อจากต้นยูคาลิปตัสมาผลิตกระดาษแต่ก็เป็นเยื่อสั้น จึงต้องนำเข้าเยื่อยาวจากสนในแถบแคนาดาและยุโรปในปริมาณมากอยู่ดี ซึ่งถ้าแนวโน้มจากการวิจัย หากนำสบู่ดำมาทำให้ได้เยื่อยาวจริงๆ ก็อาจจะนำมาแทนเยื่อกระดาษในปัจจุบันได้ โดยได้มีการทำการวิจัยอยู่ ซึ่งในเร็วๆนี้จะได้ข้อสรุป แต่ถ้าวิจัยแล้วพบว่าไม่สามารถเป็นเยื่อยาวได้แต่ก็ยังสามารถนำไปทำเชื้อเพลิงได้เช่นกัน


5. ใช้สบู่ดำรักษาโรคจากบันทึกในตำราแพทย์แผนไทยมีแจ้งถึงสรรพคุณของใบต้นสบู่ดำเอาไว้ว่า สามารถนำมาทำเป็นยารักษาโรคผิวหนัง โรคปากนกกระจอก ลิ้นเป็นฝ้าขาวในเด็กได้ดี และยังพบรายงานว่าเป็นยาพื้นบ้านรักษาเบาหวานจากประเทศไนจีเรียเคยมีผู้ป่วยโรคเบาหวานประมาณ 200 คน ลองดื่มน้ำชาใบสบู่ดำแทนการดื่มน้ำตลอด 1 เดือน หลังจากดื่มไปแค่ประมาณสัปดาห์แรกปริมาณนำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลค่อยๆ ลดลงจนถึงระดับดีมาก
ส่วนเมล็ดก็สามารถใช้เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบ โรคเกาต์ได้ ส่วนสกัดจากต้นใช้รักษาโรคโรคไฟไหม้ โรคหิด แผลสะเก็ด ส่วนของยางใช้เป็นสานต้านมะเร็งได้อีกด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น